สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 6-12 เมษายน 2558

ข่าวสัปดาห์ วันที่ 6-12 เม.ย. 2558

ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,659 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,323 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,090 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

6 - 12 เมษายน 2558

 

ยางพารา

สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาภายในประเทศ 

     ราคายางพารายางแผ่นดิบมีทิศทางปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อาจเนื่องมาจากข้อมูลราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และผลผลิตที่ลดลงในฤดูยางผลัดใบ รวมทั้งข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ที่ซบเซา อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
    1. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.12 บาท เพิ่มขึ้นจาก 47.05 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.07 บาท หรือร้อยละ 2.27
     2. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 2 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.62 บาท เพิ่มขึ้นจาก 46.55 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.01 บาท หรือร้อยละ 2.30
     3. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.12 บาท เพิ่มขึ้นจาก 46.05 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.07 บาท หรือร้อยละ 2.32 
     4. ยางก้อนคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.52 บาท เพิ่มขึ้นจาก 20.87 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.65 บาท หรือร้อยละ 3.11 
     5. เศษยางคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.62 บาท ลดลงจาก 18.46 บาท ของสัปดาห์ที่แล้ว กิโลกรัมละ 0.84 บาท หรือร้อย     ละ 4.55
6. น้ำยางสดคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.70 บาท เพิ่มขึ้นจาก 44.42 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.28 บาท หรือร้อยละ 0.63 
     ในสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคายางแผ่นดิบคุณภาพที่ 4 , ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 5 และ ยางแผ่นดิบคละ

ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. ซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2558

  ณ ท่าเรือกรุงเทพ 
     1. ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.82 บาท ลดลงจาก 58.15 บาท ของสัปดาห์ ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.33 บาทหรือร้อยละ 0.57 
     2. ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.67 บาท ลดลงจาก 57.00 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.33 บาทหรือร้อยละ 2.33
     3. น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.58 บาท ลดลงจาก 36.10 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.52 บาท หรือร้อยละ 1.44

ท่าเรือสงขลา 
     1. ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.57 บาท ลดลงจาก 57.90 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.33 บาท หรือร้อยละ 2.30
     2. ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.42 บาท ลดลงจาก 56.75 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.33 บาท หรือร้อยละ 2.34 
     3. น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.33 บาท ลดลงจาก 35.85 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.52 บาท หรือร้อยละ 1.45

สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในตลาดต่างประเทศ
     ราคายางพาราซื้อขายล่วงหน้า ณ เดือนพฤษภาคม ตลาดล่วงหน้าสิงคโปร์และตลาดล่วงหน้าโตเกียว มีทิศทางปรับตัวลดลง อาจเนื่องมาจากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น และนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวลงอีกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมทั้งหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวลดลงโดยอีก 5 ปีข้างหน้ายังไม่ฟื้นตัวเท่ากับก่อนวิกฤติการเงินโลก

ราคาต่างประเทศซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2558
ยางแผ่นรมควันชั้น 3 
     ราคาซื้อขายล่วงหน้าตลาดสิงคโปร์ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.83 เซนต์สหรัฐฯ (53.88 บาท) ลดลงจาก 170.90 เซนต์สหรัฐฯ (55.20 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 4.07 เซนต์สหรัฐฯ หรือร้อยละ 2.38 
     ราคาซื้อขายล่วงหน้าตลาดโตเกียว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 202.83 เยน (54.30 บาท) ลดลงจาก 207.38 เยน (55.68 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 4.55 เยน หรือร้อยละ 2.19

ข่าวสัปดาห์ 6-12 เม.ย. 58

 

ฝ้าย

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
     ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)

     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2558 ทำสัญญาสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 65.77 เซนต์ หรือกิโลกรัมละ 47.37 บาท เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 63.09 เซนต์ หรือกิโลกรัมละ 45.47 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.25 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.90 บาท

6 - 12 เม.ย. 2558

สุกร

สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ  
     สัปดาห์นี้สถานการณ์ตลาดสุกรค่อนข้างคึกคักและคล่องตัว ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้สุกรเจริญเติบโตช้า ส่งผลให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาและการบริโภคจะเพิ่มขึ้น เพราะเข้าสู่เทศกาลวันสงกรานต์และมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
     สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 64.26 บาท สูงขึ้นจาก     กิโลกรัมละ 62.81 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.31 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 63.34 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 64.78 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 64.91 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 61.30 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ  
     ราคาขายส่งสุกรมีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 68.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 66.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.01
 
ไก่เนื้อ
  

สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
     ภาวะตลาดไก่เนื้อสัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณไก่เนื้อที่ออกสู่ตลาดมีไม่มากนัก ขณะที่ความต้องการบริโภคเริ่มมีมากขึ้น เพราะใกล้เข้าสู่เทศกาลวันสงกรานต์และมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
     ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัม 38.16 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 38.02 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.37 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 38.80 บาท ภาคกลางกิโลกรัมละ 35.66 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 41.84 บาท (ภาคเหนือไม่มีรายงานราคา) ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 7.50 บาท ทรงตัวกับสัปดาห์ที่ ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ 
     ราคาขายส่งไก่มีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ไข่ไก่

สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

     สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ประกอบกับผู้ประกอบการบางส่วนปรับลดปริมาณ ส่งผลให้ผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดเริ่มลดลง แนวโน้มคาดว่าการบริโภคและราคาจะสูงขึ้น เพราะเข้าสู่เทศกาลวันสงกรานต์และมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ 
     ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 238 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 230 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.48 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 275 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 238 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 226 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 251 บาท ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 6.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
าคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ 
     ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 251 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 231 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 8.66

ไข่เป็ด

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ 
     ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 317 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 299 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 357 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 282 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 301 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ 
     ราคาขายส่งไข่เป็ดในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
  

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
     ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 103.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 102.94 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.11 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 100.07 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 101.55 บาท ภาคกลางกิโลกรัมละ 101.53 บาท และภาคใต้ 113.43 บาท

กระบือ

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

     ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 80.76 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 80.72 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.05 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 92.15 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 78.57 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา

ข่าวรายสัปดาห์ 30 มี.ค.-5 เม.ย. 58

ถั่วเหลือง

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
     ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 16.33 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 15.49 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.42
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
     ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 16.38 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
     ราคาขายส่งกากถั่วเหลืองใน สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 18.35 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ 
ราคาในตลาดต่างประเท(ตลาดชิคาโก)
     ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 976.80 เซนต์ (11.73 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 981.20 เซนต์ (11.79 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.45
     ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 327.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.70 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 326.03  ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.66 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.39
     ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 30.52 เซนต์ (21.98 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 31.10 เซนต์ (22.41 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.86

ข่าวสัปดาห์ 6-12 เม.ย.58

ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
     ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้งคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยราคากิโลกรัมละ 38.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
     ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.29 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 16.07 บาทของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 13.81
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
     ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ (ชนิดดี) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
     ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา (ชนิดรอง) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข่าวสัปดาห์ 6-12 เม.ย.58

ถั่วเขียว

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
     ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่ชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.72 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 33.11 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.20
     ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
     ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
     ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่ชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
     ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 35.60 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 
     ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน 
     ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
     ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่ชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
     ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,114.25 ดอลลาร์สหรัฐ (35.97 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,132.00 ดอลลาร์สหรัฐ (36.56 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.57 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.59 บาท
     ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,022.00 ดอลลาร์สหรัฐ (32.99 บาท/กิโลกรัม) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1,020.00 ดอลลาร์สหรัฐ (32.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.04 บาท
     ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,356.75 ดอลลาร์สหรัฐ (43.80 บาท/กิโลกรัม) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1,356.00 ดอลลาร์สหรัฐ (43.80 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.06 แต่ทรงตัวในรูปเงินบาท

6 - 12 เมษายน 2558

 

กาแฟ

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ 

1. การผลิต
     สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้พยากรณ์เนื้อที่ให้ผล ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่ปี 2558 ดังนี้ เนื้อที่ให้ผลผลิตกาแฟจะมีประมาณ 269,596 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2557 จำนวน 5,817 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.21 ผลผลิต 37,366 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1,097 ตัน หรือลดลงร้อยละ 2.85 และผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่ให้ผล เฉลี่ยไร่ละ 139 กิโลกรัม ลดลงจากปีที่ผ่านมา 7 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.79 ทั้งนี้เนื้อที่ให้ผลรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกาในภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากภาครัฐและเอกชนมีการส่งเสริมให้ปลูกเพิ่มในสวนไม้ผลไม้ยืนต้นและพื้นที่ป่าชุมชนตั้งแต่ ปี 2554 เริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ส่วนผลผลิตต่อไร่ ในภาพรวมลดลงเนื่องจากแหล่งผลิตกาแฟทางภาคใต้ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง อากาศร้อน และแห้งแล้ง กาแฟติดดอกออกผลไม่ดี
     ภาคเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกาเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น จากต้นกาแฟที่ปลูกแซมในสวนยางพารา แมคคาเดเมีย และลิ้นจี่ ในจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ และในพื้นที่ป่าชุมชนที่ทางภาครัฐและกลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตกาแฟในท้องถิ่นสนับสนุนให้เกษตรกรปลูก เช่น ในจังหวัดตาก และแพร่ ตั้งแต่ปี 2554 ให้ผลผลิตเป็นปีแรก ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคากาแฟพันธุ์อาราบิกาดีอย่างต่อเนื่อง จึงจูงใจให้เกษตรกรจึงทาการตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นเป็นอย่างดี
     ภาคกลาง พื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตาเนื้อให้ผลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี เกษตรกรปลูกเพิ่มในพื้นที่รกร้าง ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออานวยต่อการติดดอกออกผล และอยู่ในช่วงอายุให้ผลผลิตสูง
     ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มมีการปลูกกาแฟตั้งแต่ปี 2552 แหล่งผลิตอยู่ใน จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สูงเนิน เกษตรกรมีการปลูกกาแฟแซมในสวนแมคคาเดเมีย มะม่วง และขนุน ส่วนใหญ่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกา เริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาดในปี 2556 และมีการเพิ่มของเนื้อที่ให้ผลอย่างต่อเนื่อง สาหรับผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากอายุของต้นกาแฟเพิ่มขึ้นทรงพุ่มใหญ่ขึ้น
     ภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตาเนื้อที่ให้ผลลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นยางพารา ปาล์มน้ามัน และทุเรียน ที่เกษตรกรปลูกแซมในสวนกาแฟโตและเริ่มให้ผลผลิตเกษตรกรจึงโค่นต้นกาแฟออก ผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากต้นกาแฟทางภาคใต้มีอายุมากและไม่ได้รับการบารุงดูแลเพราะราคาสารกาแฟตกต่ำหลายปี จึงไม่จูงใจให้เกษตรกรลงทุนเพิ่ม นอกจากนี้เกษตรกรให้ความสนใจในการบำรุงดูแลพืชที่นามาปลูกทดแทนมากกว่า ประกอบกับในช่วงต้นกาแฟออกดอกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 มีสภาพอากาศร้อนแห้งแล้งและฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้การออกดอกและติดผลไม่ดีเท่าที่ควร

ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของไทยในปี 255
     กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รายงานความต้องการใช้เมล็ดกาแฟในปี 2557 ของโรงงานแปรรูปในประเทศ มีปริมาณสูงขึ้น จาก 75,000 ตัน เป็น 70,000 ตัน ในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.14 เนื่องจากการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดคะเนความต้องการใช้กาแฟของปี 2558 ว่าจะมีประมาณ 80,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.66

ปี

ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงาน

2553
2554
2555
2556

58,000
61,480
67,620
70,000

2557

75,000

อัตราเพิ่ม (ร้อยละ)

6.65

2558*

80,000

หมายเหตุ * : ประมาณการ

การค้า 
     การส่งออกกาแฟขอไทยในปี 2557 มีปริมาณ 567.92 ตัน มูลค่า 110.78 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 368.26 ตัน มูลค่า 76.10 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 54.22 และ 45.56 ตามลำดับ สำหรับกาแฟสำเร็จรูปมีการส่งออก 6,315.95 ตัน มูลค่า 859.94 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 1,620.79 ตัน มูลค่า 302.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 289.68 และ 184.11 ตามลำดับ และไทยนำเข้าเมล็ดกาแฟ ปริมาณ 47,413.12 ตัน มูลค่า 3,411.03 ล้านบาท สูงขึ้นจากปริมาณ 34,907.17 ตัน มูลค่า 2,417.30 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น ร้อยละ 35.83 และ 41.11 ตามลำดับ      สำหรับกาแฟสำเร็จรูปมีการนำเข้าปริมาณ 7,015.47 ตัน มูลค่า 2,123.53 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 6,426.99 ตัน และลดลงจากมูลค่า 2,041.48 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นลดลงร้อยละ 9.16 และ 4.02 ตามลำดับ

ต่างประเทศ
ผลผลิต 
     กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) รายงานผลผลิตกาแฟโลกปี 2556/57 มีปริมาณ 9.150 ล้านตัน ลดลงจาก 9.259 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 1.49 เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และ คาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 8.99 ล้านตัน ลดลง 0.163 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 1.78
     บราซิล ผู้ผลิตกาแฟอันดับ 1 ของโลก ในปี 2556/57 มีผลผลิต ปริมาณ 3.270 ล้านตัน ลดลง 0.186 ล้านตัน ในปี 2555/56 หรือลดลงร้อยละ 2.382 และคาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 3.072 ล้านตัน ลดลง 0.198 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 6.055

     เวียดนาม ผู้ผลิตกาแฟอันดับ 2 ของโลก และเป็นผู้ผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสตาอันดับ 1 ของโลก มีผลผลิตกาแฟปี 2556/57 ปริมาณ 1.789 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 0.200 ล้านตัน ในปี 2555/56 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.577 และคาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี
2557/58 ประมาณ 1.761 ล้านตัน ลดลง 0.029 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 1.619
ความต้องการใช้กาแฟ 
     กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา รายงานความต้องการใช้กาแฟของโลกปี 2556/57 มี 8.545 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 8.518 ล้านตันของปี 2555/56 ร้อยละ 0.312 และคาดคะเนความต้องการใช้กาแฟของปี 2557/58 ว่าจะมีประมาณ 8.858 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.66
การส่งออก
     กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา รายงานการส่งออกกาแฟโลกปี 2556/57 มี 7.143 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 6.992 ล้านตัน ในปี 2555/56 ร้อยละ 2.159 และคาดการณ์ว่า ในปี 2557/58 จะมีการส่งออก ประมาณ 7.195 ล้านตัน หรือสูงขึ้นร้อยละ 0.736
ประเทศที่ส่งออกมากที่สุดได้แก่ บราซิล มีการส่งออกในปี 2556/57 ปริมาณ 2.048 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.840 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 11.318 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น รองลงมาได้แก่ ประเทศเวียดนาม มีการส่งออก ปริมาณ 1.607 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.479 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 0.68 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น

ผลผลิตกาแฟของโลก ปี 2552/53 - 2557/58
หน่วย : ล้านตัน
ประเทศ 

2552/53

2553/54

2554/55

2555/56

2556/57

อัตราเพิ่ม (ร้อยละ)

2557/58*

1 บราซิล
2. เวียดนาม
3. อินโดนีเซีย
4. โคลัมเบีย
5. เอธิโอเปีย
6. อินเดีย
7. ฮอนดูรัส
8. เม็กซิโก
9. เปรู
10. กัวเตมาลา
19. ไทย
อื่นๆ

2.688
1.110
0.630
0.486
0.360
0.290
0.213
0.249
0.198
0.241
0.051
1.200

3.270
1.165
0.560
0.512
0.368
0.300
0.239
0.240
0.246
0.238
0.051
1.236

2.952
1.560
0.498
0.459
0.379
0.314
0.336
0.258
0.312
0.265
0.051
1.250

3.456
1.590
0.630
0.596
0.380
0.318
0.284
0.279
0.258
0.241
0.051
1.176

3.270
1.790
0.570
0.725
0.381
0.305
0.264
0.228
0.255
0.205
0.051
0.806

4.575
13.505
-0.820
9.986
1.465
1.604
6.203
-0.256
5.692
-3.063
0.000
-2.107

3.072
1.761
0.528
0.750
0.381
0.306
0.300
0.234
0.204
0.217
0.054
1.181

รวม

7.716

8.425

8.634

9.259

9.150

4.449

8.988

หมายเหตุ : * ประมาณการ
ที่มา : กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (ธันวาคม 2557)
www.usda.gov

 

ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโลก
 
หน่วย : ล้านตัน
ปี

ปริมาณ

2552/53
2553/54
2554/55
2555/56
2556/57

8.264
8.045
8.496
8.518
8.545

อัตราเพิ่ม (ร้อยละ)

1.248

2557/58

8.858

หมายเหตุ * ประมาณการ
ที่มา : กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (ธันวาคม 2557)
www.usda.gov

ราคาตลาดในประเทศ 
     -ไม่มีรายงาน เนื่องจากหมดฤดูกาลผลิต-

ราคาในตลาดต่างประเทศ มีดังนี้ 
     ราคาเมล็ดกาแฟดิบอาราบิก้า ตลาดนิวยอร์กซื้อขายทันทีเฉลี่ย 167.69 เซนต์/ปอนด์ (120.15 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจาก 157.94 เซนต์/ปอนด์ (113.16 บาท/กิโลกรัม) คิดเป็นร้อยละ6.17 
     ราคาเมล็ดกาแฟดิบโรบัสตา ตลาดนิวยอร์กซื้อขายทันที่เฉลี่ย 98.39 เซนต์/ปอนด์ (70.50 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจาก 95.50 เซนต์/ปอนด์ (68.43 บาท/กิโลกรัม) คิดเป็นร้อยละ 3.03


ตารางราคาเกษตรกรขายได้ ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ และราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี